แมลงวันแต่ละชนิดในไทย

แมลงวันเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไปทุกสถานที่ ในประเทศไทยพบแมลงวันได้หลากหลายชนิด

แมลงวันที่พบในประเทศไทย

สภาพอากาศและภูมิประเทศภายในประเทศไทยของเรา มีสภาพที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแมลงวันได้เป็นอย่างดี ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแมลงวันอาศัยอยู่ในทุกสถานที่ และเช่นเดียวกัน เมื่อมีแมลงวันจึงทำให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคไทฟอยด์ โรคบิด โรคท้องร่วง และโรคอหิวาตกโรค โรคเหล่านี้ถือเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ชนิดของแมลงวันในประเทศไทยมีหลากหลายชนิดดังนี้

แมลงวันบ้าน (Housefly)

เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Muscidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Musca domestica เป็นแมลงที่พบได้ทั่วไปทั่วโลก มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 5-8 มิลลิเมตร ลำตัวสีเทาหรือน้ำตาลอมเหลือง ขาและหนวดสีดำ ชอบเกาะอยู่ตามสิ่งปฏิกูล เศษอาหาร มูลสัตว์ และบริเวณที่มีขยะเปียก

แมลงวันจะถ่ายมูลและไข่ลงบนอาหารหรือสิ่งของต่าง ๆ เมื่อคนหรือสัตว์กินเข้าไป อาจทำให้ติดเชื้อโรคได้ แมลงวันในบ้านเป็นสัตว์รบกวนที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันและกำจัดแมลงวันในบ้านอย่างสม่ำเสมอ

แมลงวันผลไม้ (Fruit fly)

เป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญทางเศรษฐกิจ พบได้ทั่วโลก เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Tephritidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bactrocera dorsalis มีชื่อสามัญว่า Oriental fruit fly เป็นแมลงที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน มีแถบสีเหลืองทองบริเวณส่วนอก หน้าแข้งขามีสีน้ำตาลเข้ม

แมลงวันผลไม้วางไข่บนผลไม้ หนอนของแมลงวันจะชอนไชเข้าไปภายในผลไม้ ทำให้ผลไม้เน่าเสียและร่วงหล่นลงพื้น ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก เป็นศัตรูพืชที่ควรกำจัดอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร

แมลงวันหลังลาย (Green bottle fly)

เป็นแมลงวันที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Calliphoridae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chrysomya megacephala มีชื่อสามัญว่า Green bottle fly

เป็นแมลงที่มีขนาดใหญ่กว่าแมลงวันบ้านเล็กน้อย มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลำตัวมีสีเขียวหรือสีเขียวแกมน้ำเงินถึงดำ มีลักษณะสีสดใส สะท้อนแสงแวววาว ส่วนหัวจะไม่เป็นสีเขียวมีตารวมขนาดใหญ่สีแดงหรือสีน้ำตาล ลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลม แมลงวันหลังลายจะถ่ายมูลและไข่ลงบนซากสัตว์ตายหรือสิ่งปฏิกูล

แมลงวันหัวเขียว (Blue bottle fly)

เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Calliphoridae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calliphora vomitoria มีชื่อสามัญว่า Blue bottle fly เป็นแมลงที่มีขนาดใหญ่กว่าแมลงวันบ้านเล็กน้อย มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร

ลำตัวมีสีเขียวหรือสีเขียวแกมน้ำเงินถึงดำ ส่วนหัวจะเป็นสีเขียวมีตารวมขนาดใหญ่สีแดงหรือสีน้ำตาล ลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลม แมลงวันหัวเขียวจะถ่ายมูลและไข่ลงบนซากสัตว์ตายหรือสิ่งปฏิกูล เมื่อคนหรือสัตว์กินเข้าไป อาจทำให้ติดเชื้อโรคได้

แมลงวันม้า (Horse fly)

เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Tabanidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tabanus sp. มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลำตัวมีสีดำหรือน้ำตาลเข้ม มีตารวมขนาดใหญ่สีแดงหรือสีน้ำตาล ปากเป็นแบบดูดเลือด

แมลงวันม้าจะกัดสัตว์เลี้ยง เช่น ม้า วัว ควาย และสัตว์ป่า เช่น ช้าง เสือ และกระทิง เมื่อสัตว์เลี้ยงถูกแมลงวันม้ากัด อาจทำให้สัตว์เลี้ยงป่วยหรือเสียชีวิตได้

แมลงวันเจาะไชเนื้อ (Bot fly)

เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Cuterebridae เป็นแมลงที่พบได้ทั่วโลก มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลำตัวมีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ มีปีกใส ปากเป็นแบบเจาะไช

แมลงวันเจาะไชเนื้อจะวางไข่บนสัตว์เลี้ยง เช่น ม้า วัว ควาย และสัตว์ป่า เช่น ช้าง เสือ และกระทิง เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อน จะเจาะผิวหนังของสัตว์เลี้ยงและชอนไชเข้าไปภายในร่างกาย อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะภายใน ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและอักเสบ เมื่อตัวอ่อนโตเต็มที่จะสร้างปลอกหุ้มตัวเพื่อลอกคราบเป็นดักแด้ เมื่อดักแด้แก่เต็มที่จะลอกคราบเป็นตัวเต็มวัย ตัวเต็มวัยจะโผล่ออกมาจากร่างกายของสัตว์เลี้ยงและบินไปวางไข่ใหม่

แมลงวันทราย (Sand fly)

เป็นแมลงวันที่พบได้ทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่น เป็นแมลงขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน ตาสีน้ำตาล ปากเป็นแบบเจาะดูดเลือด

แมลงวันทรายจะกัดคนและสัตว์ด้วยปากแบบเจาะดูดเลือด ทำให้เกิดอาการคันและเจ็บปวด นอกจากนี้ แมลงวันทรายยังอาจเป็นพาหะนำโรคไข้กาฬเลือด (Leishmaniasis) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัว โรคไข้กาฬเลือดสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และอาจเสียชีวิตได้

ไล่แมลงวันให้หมดไปด้วย FIOFF

ไล่แมลงวันแบบไร้สารเคมี สารสกัดจากตระไคร้ต้น “ไล่แมลงวันได้มากกว่า 4 ชั่วโมง”